**ราคาพิเศษ โทรหาเรา 082-855-6449
หรือสอบถามที่ tpe_sound@yahoo.com
LINE ID : @TPESOUND
รีวิว https://bit.ly/3hRZvF8
Specification: • Capsule: 34mm dual gold plated large diaphragm capsule • Polar Pattern: cardioid/bi-directional/omni-directional • Frequency Response: 20Hz-20kHz • Cardioid Directivity Sensitivity:-39dB±3dBV(0dB=1V/Pa at 1KHz) • Sensitivity Attenuation: -10dB • LF Attenuation: 150Hz(6dB/oct) • Equivalent Noise Level: ≤20dBA(IEC 581-5) • Peak SPL: 130dB(THD≤1% at 1KHz) • Output Impedance: 150Ω±30%(at 1kHz) • Operating Voltage: 48V phantom power • Unit Dimension: 157x55x38mm • Net Weight: 372g
TAK55
เป็นคอนเด็นเซอร์ไมค์รุ่นใหญ่สุดของ Series นี้ โดยภาพรวมอาจจะคล้ายกันกับรุ่น TAK35 และ TAK45 แต่สิ่งที่แตกต่างคือ สามารถเลือกใช้แพทเทิร์นรับเสียงได้ มีแอปพลิเคชันการใช้งานได้กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานในสตูดิโอ งานบรอดคาสต์ บนเวทีคอนเสิร์ต VDO, Post-Production และงาน Live สด สามารถบันทึกเสียงเครื่องดนตรีได้ บันทึกเสียงร้อง เสียงพูดได้
องค์ประกอบพื้นฐานของไมค์รุ่นนี้เป็น Gold Plate แบบเดียวกับ TAK35 และ TAK45 แต่มี 2 Plate ขนาดไดอะแฟรม 34mm. การรับสัญญาณเสียงทำได้ดีกว่า สามารถปรับแพทเทิร์นรับเสียงได้ถึง 3 รูปแบบ คือ Uni-directional, Bi-directional หรือ figure of 8 และ Omni-directional หากพิจารณาการตอบสนองความถี่ทั้ง 3 แพทเทิร์น จะพบว่ามีการตอบสนองใกล้เคียงกันกับ 2 รุ่นที่กล่าวมา
TAK55 สามารถตอบสนองความถี่ได้ตั้งแต่ 20Hz-20kHz ความไวแพทเทิร์น Uni-directional จะอยู่ที่ -39dB นอกจากนั้นยังสามารถลดความแรงของสัญญาณที่เข้ามาได้ถึง -10dB เพื่อป้องกันเสียงแตกพร่า หรือเสียงผิดเพี้ยน และยังสามารถลดทอนความถี่ต่ำ 150Hz ด้วย Slope -6dB/Octave สามารถทนความดังจากภายนอกได้ 130dB SPL มีอิมพีแดนซ์ 150 Ohms ใช้แรงดัน Phantom Power +48V
TAK55 มีความแตกต่างจาก TAK45 และ TAK35 โดยสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือสามารถเลือกแพทเทิร์นรับเสียงได้ ขณะ 2 รุ่นนั้นทำไม่ได้ ซึ่งทำให้การใช้งาน TAK55 ทำได้กว้างกว่า มีความเอนกประสงค์มากกว่า เช่น เลือกแพทเทิร์น Uni-directional ก็เหมาะกับงานร้อง งานพูด จ่อกับเครื่องดนตรีเพื่อบันทึกเสียง
กรณีเลือกแพทเทิร์นเป็น Bi-directional หรือ figure of 8 ซึ่งก็จะเหมาะกับการบันทึกเสียงคอรัสเป็นหมู่คณะ จ่อรับเสียงภาพรวมของวงจากตรงกลางสเตจ หากเลือกแพทเทิร์น Omni-directional ก็จะรับสัญญาณได้รอบทิศทาง เช่นไมค์ตัวเดียวรับเสียงพร้อมกันจากหลายๆ ทิศทาง เช่นโต๊ะประชุม ในห้องจัดรายการบรอดคาสต์ นั่งหรือยืนล้อมวง แล้วนำไมค์ดังกล่าวไปวางตรงกลาง
ส่วนฟังก์ชันลดทอนความถี่ที่ไม่ต้องการ โดยเฉพาะย่านความถี่ต่ำ ซึ่งมักจะเป็นปัญหาของไมค์ทุกตัว ที่มักจะมีเสียงต่ำที่ไม่ต้องการแทรกเข้ามา เช่นเสียงพูด เสียงร้อง ทำให้เสียงหลักไม่ชัด ปกติไมค์จะมาแบบ flat กรณีที่ผู้ใช้ต้องการคัตเสียงย่าน Low ออก เพราะเสียงที่เข้าไมค์อาจมีความถี่ต่ำเยอะ ก็ปรับที่ตัวไมค์ได้เลย ทำให้ลดทอนได้ตั้งแต่ต้นทาง ไม่ต้องไปคัตที่กลางทางหรือปลายทาง ซึ่งจะคัตความถี่ต่ำกว่า 150Hz ออกไป ที่ความชัน -6dB/Octave ในย่านสูงกว่า 150Hz เป็นต้นไปจะตอบสนองปกติ
นอกจากนี้ ยังสามารถปรับความไวของไมค์ได้อีกด้วย เช่น เสียงปกติใช้ 0dB เราสามารถลดลงไปที่ -10dB ได้ ส่วนการติดตั้งทั้ง 3 รุ่นเหมือนกัน โดยอาศัยตัว Shock Mount และฟิลเตอร์กรองเสียง (ถ้าต้องการ) แล้วขันเข้ากับขาตั้งไมค์ที่มีอยู่ แล้วเชื่อมต่อสัญญาณไปเข้ามิกเซอร์ที่มี Phantom Power +48V หรือ Audio Interface ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ หรือไมค์ปรีก็ได้ สิ่งที่ต้องระวังคือ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อนั้นจะต้องมีไฟเลี้ยง +48V ไมค์จึงจะทำงาน ไม่เช่นนั้นไมค์จะทำงานไม่ได้
สรุป
Takstar TAK Series ทั้ง 3 รุ่นเป็นไมค์คอนเด็นเซอร์ที่สามารถตอบโจทย์งานบันทึกเสียงได้แทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นงานร้องเพลง งานพูด Podcast ไลฟ์สด บรอดคาสต์ ใช้จ่อเครื่องดนตรี และ ฯลฯ สำหรับ TAK35 และ TAK45 จะมีสเป็คใกล้เคียงกัน แต่ TAK55 จะมีลูกเล่นมากกว่านั่นคือการปรับแพทเทิร์นรับเสียงได้มากกว่า แน่นอนว่าทั้ง 3 รุ่นมีราคาที่แตกต่างกัน
หากท่านกำลังมองหาไมค์คอนเด็นเซอร์คุณภาพดี คุ้มค่ากับราคา Takstar TAK Series ถือเป็นตัวเลือกที่น่าลอง ส่วนจะเป็นรุ่นใดนั้นก็อยู่ที่งบประมาณของแต่ละท่าน ถ้าเอาความหลากหลายจ่ายทีเดียวแล้วจบ แนะนำ TAK55 แต่หากต้องการแค่พอใช้งาน TAK35 และ TAK45 ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเช่นกัน